July 19, 2014

ยาน LRO สำรวจดวงจันทร์

Images from the  ภาพจากยาน
Lunar Reconnaissance Orbiter


   

          by  Phaitoon  Yaemprasuan
               Special Experienced Teacher          
Information and Communication Technology Strand

    
      source :  http://www.boston.com/bigpicture/2010/01
                             /images_from_the_lunar_reconnai.html

NASA's Lunar Reconnaissance Orbiter (LRO) was launched in June, 2009, and is currently orbiting the Moon around its poles at a low altitude of just 50 kilometers (31 miles). The primary objective of the LRO is to prepare for future lunar exploration, scouting for safe and compelling landing sites, potential resources (like water ice) and more. The high-quality imagery used in the mapping of the lunar surface is unprecedented, and a few early images have included detailed overviews of the landing sites of several Apollo missions, some 40 years after they took place. LRO is now on a one year mission, with possible extensions up to five years. Collected here are several recent LRO images, and a few then-and-now comparisons of Apollo landing sites.
ยานสำรวจดวงจันทร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติอเมริกา (นาซา)  ยานลูนาร์ รีคอนเนสซอง ออร์บิตเตอร์  (LRO)  ถูกปล่อยสู่อวกาศในเดือนมิถุนายน 2009 และตอนนี้ ( ยานนี้จะมีภารกิจสำรวจเป็นเวล่า 5 ปี) ก็กำลังโคจรรอบดวงจันทร์ บริเวณทั้งสองขั้วของดวงจันทร์  ในระดับต่ำ แค่ 50 กม. (31 ไมล์)  จุดประสงค์ของการส่งยานนี้ไปโคจรรอบดวงจันทร์ ก็เพื่อทำการลาดตระเวน (Reconnaissance) ก่อนการสำรวจจริงจังในวันข้างหน้า  เพื่อหาจุดที่ปลอดภัยในการร่อนลง  และมีทรัพยากร เช่น น้ำแข็ง หรือไม่   ..นี่เป็นภาพส่วนหนึ่งที่ได้จากยานนี้
Near the lunar north pole, many craters on the floor of Peary crater experience permanent shadow inside, and some have permanent illumination on the higher crater rims. Peary is a key exploration site for future astronauts due its proximity to potential resources. Image height is 9 km (5.5 mi). Image acquired July 11th, 2009. More(NASA/GSFC/Arizona State University)
ที่ใกล้ขั้วเหนือของดวงจันทร์ มีหลุมอุกกาบาตมาก บนอาณาบริเวณที่เรียกว่า พื้นเพียรี  หลุมเหล่านี้จะมองไม่เห็นเพราะมีเงาบัง  ขณะที่ส่วนขอบหลุมก็จะสว่างหน่อย  การสำรวจพื้นเพียรีนี้ เป็นกุญแจดอกสำคัญสำหรับนักบินอวกาศในอนาคต

July 6, 2014

Climbing Mount Everest พิชิตยอดเขาเอฟเวอร์เรสต์


                 นายไพฑูรย์  แย้มประสวน                             

                 ครูชำนาญการพิเศษ  สารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

            เรียบเรียงจากเว็บไซต์  : www.boston.com



Sixty years ago today New Zealand mountaineer Sir Edmund Hillary and Nepalese Sherpa Tenzing Norgay made the first confirmed ascent of the world's tallest peak which reaches 29,029 feet.  60 ปีมาแล้ว นักไต่เขาชาวนิวซีแลนด์  เซอร์เอ็ดมันด์  ฮิลลารี และชนเผ่าเชอร์ปา แห่งประเทศเนปาล นายเทนซิง นอร์เกย์  สามารถพิชิตยอดเขาเอฟเวอร์เรสต์ ซึ่งสูง 29,000 ฟิตเศษ เป็นยอดเขาที่สูงทึ่สุดของโลก     Since then thousands of people have made the attempt, with many perishing.  ต่อจากนั้นมาผู้คนนับพันนับหมื่นก็พยายามจะพิชิตเอฟเวอร์เรสต์บ้าง   Just last week 80-year-old Japanese mountaineer Yuichiro Miura became the oldest person to reach the summit for the third time, although he said that he nearly died on the descent and that this would be his last time.  แม้แต่นักไต่เขาระดับอาวุโส อย่างกับคุณปู่ ยูชิโร มิยูรา  อายุ 80 ซึ่งถื่อว่าเป็นผู้ที่อาวุโสที่สุดในบรรดานักไต่เขาที่นี่ ก็ยังมาตั้งสามครั้งแล้ว   The 1953 expedition that took Hillary and Norgay to the top ended with a stay of just 15 minutes, with Norgay leaving chocolates in the snow and Hillary leaving a cross that was given to him by Army Colonel John Hunt, the leader of the British expedition. การพิชิตยอดเขาเอฟเวอร์เรสต์ครั้งแรก ในปี 1953  เซอร์ฮิลลารี และ นายนอร์เกย์  ไปอยู่แค่ 15 นาที  และช็อกโกแล็ตที่นายนอร์เกย์ทำร่วงไว้ในหิมะ ก็ยังคงปรากฎให้เห็น  ขณะที่เซอร์ฮิลลารี ทิ้งไม้กางเขน ซึงได้รับมาจาก พันเอกจอห์น ฮันต์   หัวหน้าทีมสำรวจแห่งกองทัพอังกฤษในขณะนั้น


Tenzing Norgay, left, and Sir Edmund Hillary on their historic ascent of Mount Everest in 1953. (Associated Press)  ายเทนซิง นอร์เกย์ (ซ้าย)  และ เซอร์เอ็ดมันด์  ฮิลลารี  ผู้สร้างตำนานพิชิตยอดเขาเอฟเวอร์เรสต์  ได้สำเร็จในปี 1953